วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

มหกรรม ๙ หัวใจกระบวนกรอยู่ที่ไหน?

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เช้านี้ลมแรง อากาศเย็นสบาย สงสัยว่าฝนจะเทลงมาเลยหรือเปล่า หรือว่าจะมีเวลาให้เราไปเดินสนามบิน เมื่อคืนพลังงานของทีมกระบวนกรและผู้เข้าร่วมยังต่อกันไม่ติด หยอดตัวกวนลงไปนิดหน่อย พูดถึงผู้พิทักษ์ในวัฒนธรรม บางครั้งวัฒนธรรมก็กดขี่ให้เราตกเป็นทาส เป็นการสืบทอดสายธารแห่งการจำนน หรือเปล่า วัฒนธรรมของเราส่งทอดการเป็นหนู หรือธาตุน้ำลงมา และบางทีเราก็เผชิญหน้าน้อยเกินไป เราอาจมีมุขตลกเป็นตัวหลีกลี้หนีความจริงในบางครั้งหรือเปล่า หรือบางทีเราก็ใช้มันมากไป บ่อยไป

อยากให้ผู้คนได้ใคร่ครวญ เช้านี้ที่นึกออก ก็นึกถึงรายการพื้น ๆ ท่ีใช้บ่อย ๆ ในรายการสุดท้าย นั่นก็คือการได้ใคร่ครวญโดยผ่านธาราลิขิต การเขียนบันทึกประดุจสายน้ำ ที่ไหลต่อเนื่องไม่ขาดสาย แต่ก็มีความลังเลอยู่นิดหนึ่ง ว่าน่าจะมีอะไรอีกสักนิดหนึ่ง ที่แทรกเข้ามาก่อน ยังนึกไม่ออก

ยิ่งทำกระบวนการ จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้คนมากเท่าไร ย่ิงซอยลงเนียน ๆ มากขึ้น เคลื่อนไปอย่างเนิบช้า ให้ผู้คนได้ลงมาสัมผัสประสบการณ์ตรง ได้รู้ว่า ไม่รู้ ว่าไม่สามารถ บางทีตัวทฤษฎีก็เลือนหายไปบ้าง แต่ที่ได้มาคือทางเดิน ที่ปรากฏชัดในประสบการณ์

พวกเขาไม่รู้หรือว่า การได้ปฏิสัมพันธ์กับเหล่าผู้ช่วยกระบวนกรด้วยประสบการณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งบทแห่งการเรียนรู้ แต่บรรดาผู้ช่วยเหล่าน้ี คือผู้คนที่ได้หยิบฉวยเอา “การเดินทาง” กลับมาเป็นของตน บางคนพูดถึงจัมโบ้ ที่ใส ๆ มีความดิบเถื่อนและสด หญิงบางคนว่า ชายคนนี้ คือคนที่มีเสน่ห์โดยแท้ จัมโบ้เพียงผ่านทางมา ชมชอบกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ และที่จริง ก็ใหม่สดกับกระบวนการไม่แพ้ผู้เข้าร่วมทั้งหลาย เขาได้รับทุนให้มาเรียน จึงไม่นิ่งดูดาย ขวนขวายเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอย่างแข็งขัน ทั้งที่บางทีก็อาจจะยังไม่รู้ว่าช่วยอะไร

พื้นที่ของเราเป็นเหมือนวัด กลับไปหาภูมิปัญญาแบบเดิม ๆ พื้นท่ีกลางที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาได้ ตามความสมัครใจ อย่างจิ๋ม ก็ออกมาจากโรงพยาบาลเอง ด้วยวินิจฉัยของตัวเอง เข้ามารับจิตวิญญาณบำบัด ด้วยแสงแห่งจิตจะช่วยให้พลังชีวิตของเธอฟ้ืนคืนมา จิ๋มก็เป็นตัวกวนของผู้เข้าร่วม ด้วยการนอนเอกเขนกอยู่ในวง อย่างหน้าตาเฉย มีอะไรเกิดขึ้นอย่างปราศจากคำอธิบายมากเหลือเกิน เพียงคิดว่า นี่เป็นพื้นที่กลางแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับวัด บางทีอาจจะช่วยคลายความสงสัยไปได้บ้าง ทุกคนได้ทำงาน ปลุกปล้ำกับภาพลักษณ์และตัวแทนเต็มที่ ยังมีการ์ฟิลด์ที่เดินไปเดินมา เล่นโน่นเล่นนี่ส่งเสียงเป็นระยะอีก ลงทุนลงแรงมาเข้าร่วมระดับนี้แล้ว จะคุ้มหรือเปล่า คำถามเช่นนี้ดังก้องอยู่ในมโนสำนึกของผู้เข้าร่วมแน่นอน

แต่แล้วผู้คนก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย กับการมีอาจารย์ศรชัย อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเข้ามาร่วมอยู่เป็นผู้ช่วยกระบวนกรด้วย สงสัยท่าทีจากผู้ช่วยกระบวนกรมาดคุณนายของคุณโอ้ จากเครือข่ายเมืองแพร่ อยู่บ้าง แต่ก็พึงพอใจกับรอยยิ้มอย่างกว้างขวางของเธอ ความเฉียบคมของการนำเสนอแบบอินเตอร์ของบี ก็ลงแรงต้านลงอีกนิด ท่าทีที่พยายามดูมั่นคงของดิน ที่ผู้เข้าร่วมอ่านว่า “ยังเด็ก” อาจจะทำให้ผู้เข้าร่วมคิดว่า “เขาเล่นอะไรกันนี่!” ก็ไม่หมดหรอกครับ รายการที่ทำให้เกิิดความปั่นป่วนสับสนอลหม่าน เมื่อกระแสสองกระแสปะทะกัน แต่คำถามที่สำคัญยิ่งก็จะยิ่งดังฟังชัดขึ้น “เราหยิบการเดินทางมาเป็นของเราแล้วหรือยัง” หรือว่าเรายังไปฝากการเดินทางไว้กับที่ฝากกระเป๋า ทั้ง ๆ ท่ีเราก็ไม่ได้ไปไหน หากมาเฝ้าที่เฝ้ากระเป๋าอีกทีหนึ่ง นี่มันอะไรกันนี่?

แต่ทั้งหมดของผู้ช่วยกระบวนกร ก็คือภาคบ่ายแห่งปัญญาปฏิบัติเท่านั้น อาจารย์วิศิษฐ์ ที่จริง ก็ดูแลสองรายการ ในวันหนึ่ง คือเช้าและค่ำ คุณเมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเมื่อคืน จึงไม่มีการพูดถึงอาจารย์วิศิษฐ์เลย ไม่ว่าดีเหรือเลวก็ตาม แต่คนท้าย ๆ ของผู้เข้าร่วม ก็คลี่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาออกมาว่า สองสามวันแรกเป็นอย่างไร เข้าวันที่สี่แล้ว การคลี่บาน การออกดอกออกผลค่อยปรากฏขึ้น หรือว่า คำ่คืนเมื่อวาน พวกเขายังอื้ออึง เอ! ทำไมเจ็ดวันก็ยังดูน้อยเกินไป สำหรับการเรียนรู้ที่จะเป็นกระบวนกร แต่แล้วก็มีผู้เข้าร่วมคนหนึ่งพูดว่า “มันไม่ใช่การจดจำตัวกิจกรรมหรอก ที่จะนำพาเราไปเป็นกระบวนกรได้ แต่การทำงานกับข้างในของเราต่างหาก ที่เป็นตัวตัดสิน เหมือนกับว่า หากเราผ่านอะไรบางอย่างไป การเป็นกระบวนกรของเรา ก็จะโผล่ปรากฏ งานอะไรเข้ามา เราก็จะสามารถทำได้” หรือว่า นี่คือเรื่องราวของทั้งหมดของการเป็นกระบวนกร หรือว่า ความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจมีค่าขึ้นมาได้ หากมันได้ทำให้เราตกผลึกภายในได้ เหมือนเราเข้าไปในที่ทางแห่งพลังที่เข้มข้น เผื่อว่า จะมีการเคลื่อนย้ายอนุภาค และความมหัศจรรย์แห่งชีวิตพลันปรากฏ อย่างนั้นหรือเปล่า?